LECTRUE

LECTURE
บทที่ 6   การออกแบบหน้าเว็บ 

PAGE DESIGN
                หลักสำคัญในการออกแบบหน้าเว็บ  คือการใช้รูปภาพและองค์ประกอบต่าง ๆ  ร่วมกันเพื่อสื่อความหมายเกี่ยวกับเนื้อหาหรือลักษณะสำคัญของหน้าเว็บที่หน้าสนใจ  บนพื้นฐานของความเรียบง่ายและสะดวกของผู้ใช้
         แนวคิดในการออกแบบหน้าเว็บ มี  4   เทคนิค
     1.เรียนรู้จากเว็บไซต์ต่าง ๆ  ( สิ่งที่ได้คือรูปแบบและเทคนิคใหม่ ๆ )
     2.ประยุกต์รูปแบบจากหนังสือพิมพ์
     3.ใช้แบบจำลองเปรียบเทียบ  (metaphor )
     4.ออกแบบอย่างสร้างสรรค์

               การใช้แบบจำลองเปรียบเทียบ (metaphor)  แบบจำลองเปรียบเทียบคือ การใช้สิ่งที่คุ้นเคยในการอธิบายถึงสิ่งที่ไม่คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพจากสิ่งพิมพ์หรือร้านขายของ สิ่งสำคัญคือ รูปแบบที่เลือกมาใช้ต้องเป็นลักษณะที่คนคุ้นเคย เข้าใจง่าย  สนับสนุนแนวคิดและส่งเสริมกระบวนการของเว็บ
การใช้แบบจำลองมีด้วยกัน  3 ประเภท

         1.แบบจำลองการจัดระบบ ( Organizational metaphor)   คือใช้ประโยชน์จากความคุ้นเคยของการจัดระบบที่คุ้นเคยเพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงโครงสร้างในระบบใหม่ได้ เช่น  เว็บร้ายขายหนังสือ สามารถจำลองการแบ่งหมวดหมู่หนังสือได้ตามที่ใช้ในร้านหนังสือจริง
         2.แบบจำลองการใช้งาน ( Functional metaphor )   คือเชื่อมโยงการใช้งานที่สามารถทำได้จริงในชีวิตจริงกับการใช้งานบนเว็บ   เช่น เว็บโรงภาพยนตร์  ที่ควรให้ผู้ใช้สามารถดูโปรแกรมหนัง   จองที่นั่งล่วงหน้าได้เหมือนกับโรงภาพยนตร์จริง
         3.แบบจำลองลักษณะที่มองเห็น  (Visual metaphor )   คือวิธีนี้จะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่มีลักษณะคุ้นเคยกับคนทั่วไป  เช่น เว็บไซต์ที่เกี่ยวกับดนตรี ที่ให้บริการฟังเพลงบนเว็บได้  การนำปุ่มเล่นเพลง ปิดเพลง ที่ทุกคนรู้จักจากเครื่องเสียงมาใช้ ให้เข้าใจง่ายและรวดเร็ว

หลักการออกแบบหน้าเว็บ  มี  7 หลักการ

         1.สร้างลำดับชั้นความสำคัญขององค์ประกอบ (Visual Hierarchy)    คือ
จัดตำแหน่งและลำดับองค์ประกอบ  แสดงลำดับความสำคัญของข้อมูลที่ต้องการให้ผู้ใช้ได้รับ  เนื่องจากภาษาส่วยใหญ่อ่านจากบนลงล่าง  จากซ้ายไปขวา  จึงควรจัดวางสิ่งที่สำคัญไว้ส่วนบนหรือด้านซ้ายของหน้า
สีและความแตกต่างของสี การใช้สีที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนจะสามารถดึงดูดความสนใจจากผู้ใช้ให้มองเห็นและตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว
ภาพเคลื่อนไหว  เป็นสิ่งที่ดึงดูดได้เป็นอย่างดี  แต่ถ้าใช้ภาพเคลื่อนไหวมากเกินไปจะทำให้มีจุดสนใจบนหน้าจอมากจนตัดสินใจได้ยากว่าสิ่งไหนสำคัญ

         2.สร้างรูปแบบ   บุคลิกและสไตล์
       รูปแบบ  การเลือกรูปแบบเว็บที่เหมาะสมจะช่วยสร้างความเข้าใจของผู้ใช้ได้ดีขึ้น
       บุคลิก  การมีบุคลิกของเว็บที่เหมาะสมกับเนื้อหาย่อมทำให้ผู้ใช้เข้าถึงเนื้อหาได้ดีขึ้น
       สไตล์   คือลักษณะการจัดโครงสร้างหน้าเว็บ   รูปแบบกราฟิก  ชนิดและการจัดตัว           อักษร  ชุดสีที่ใช้  รวมถึงองค์ประกอบอื่น ๆ ซึ่งไม่ควรสร้างสไตล์ของเว็บตามใจชอบ  แต่ควรคำนึงถึงความเหมาะสม

         3.สร้างความสม่ำเสมอตลอดทั่วทั้งไซต์
ความสม่ำเสมอของโครงสร้างหน้าเว็บและระบบเนวิเกชันทำให้ผู้ใช้รู้สึกคุ้นเคยและสามารถคาดการณ์ลักษณะของเว็บได้ล่วงหน้า  ในทางเทคนิคเราสามารถใช้   cascading Style Sheet   ช่วยในการกำหนดสไตล์มาตรฐานได้  ข้อควรระวังในบางครั้งความเหมือนกันอาจเป็นข้อจำกัดและทำให้น่าเบื่อ  วิธีแก้ไขคือ  อาจทำให้หน้าเว็บมีสีหรือลักษณะที่ต่างกันเล็กน้อย

         4.จัดวางองค์ประกอบที่สำคัญไว้ในส่วนบนของหน้าเสมอ
ส่วนบนของหน้า หมายถึงส่วนแรกของหน้าที่จะปรากฏขึ้นในหน้าบราวเซอร์โดยที่ยังไม่มีการเคลื่อนไหวหน้าจอใด ๆ  ประกอยด้วย
      ชื่อของเว็บ  เพื่อให้ผู้ใช้รู้ว่ากำลังอยู่ในเว็บอะไร
    ชื่อหัวเรื่อง  หรือชื่อแสดงหมวดหมู่ของเนื้อหาที่ปรากฏ
    สิ่งสำคัญ  ที่เราต้องการโปรโมตเว็บ
    ระบบเนวิเกชัน  เพื่อให้ผู้ใช้คลิกส่วนที่ต้องการได้ทันที
         5.สร้างจุดสนใจด้วยความแตกต่าง
เว็บที่เน้นกราฟิกหรือตัวอักษรมาก ๆ จะทำให้ยากต่อการมอง  เราควรใช้ความแตกต่างของสีเข้ามาช่วยสร้างลักษณะเด่นในหน้าเว็บ  เพื่อนำสายตาผู้อ่านไปยังส่วนต่าง ๆ ของเนื้อหา

         6.จัดแต่งหน้าเว็บให้เป็นระเบียบและเรียบง่าย
เนื้อหาจำเป็นต้องมีรูปแบบที่ดูง่าย  แยกเป็นสัดส่วน  และดูไม่แน่นจนเกินไป ควรจัดตัวหนังสือให้อยู่ในคอลัมน์ที่ไม่กว้างเกินไป   รวมถึงการจัดวางเนื้อเรื่องและหัวข้ออย่างเป็นระบบและชัดเจน

         7.ใช้กราฟิกอย่างเหมาะสม
ควรใช้การฟิกที่เป็นไอค่อน  ปุ่ม  ลายเส้น  และสิ่งอื่น ๆ  ตามความเหมาะสมและไม่มากจนเกินไป  เพื่อหลีกเลี่ยงโครงสร้างของหน้าที่ยุ่งเหยิงและไม่เป็นระเบียบ

ลักษณะการใช้งานหน้าเว็บ   เราสามารถใช้ประโยชน์จากเว็บได้  2   ทาง

         1.  การใช้สื่อโดยตรงให้อ่านบนหน้าจอ    ควรมีขนาดกะทัดรัดไม่ยืดยาวหรือใช้การฟิกมากเกินไป
         2.  การใช้สื่อกลางในการพิมพ์ข้อมูลลงในหน้ากระดาษเพื่อเก็บรวบรวมเพื่ออ่านในภายหลัง ควรออกแบบ ให้มีการใช้ประโยชน์ของพื้นที่อย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้เปลืองกระดาษ

ในบางครั้งเราอาจอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ โดยการจัดทำเว็บสำหรับพิมพ์แยกคนละชุดกันสำหรับอ่านบนหน้าจอ   โดยมีวิธีการดังนี้

        1) แบ่งเนื้อหาออกเป็นส่วนย่อย ๆ ส่วนละประมาณ  2-3  หน้าจอเพื่อนำไปสร้างหน้าเว็บ  พร้อมกับสร้างลิงค์เชื่อม  โยงเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้เว็บที่มีหน้าไม่ยาวนัก  เหมาะกับการอ่านบนหน้าจอ
        2) สร้างลิงค์จากเว็บใดในขั้นแรกไปยังอีกเว็บหนึ่งที่รวมเนื้อหาทั้งหมดไว้ภายในไฟล์เดียวกันเพื่อสะดวกแก่การ พิมพ์และการดาวน์โหลดแต่ต้องแน่ในว่าความกว้างของหน้าจอจะไม่เกินพื้นที่ที่สามารถพิมพ์ได้

รูปแบโครงสร้างของหน้าเว็บ  มี  4   รูปแบบ

         1) โครงสร้างหน้าเว็บในแนวตั้ง  เป็นรูปแบบพื้นฐานที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะมีรูปแบบที่ง่ายในการพัฒนาและมีข้อจำกัดน้อยที่สุด  คือ บราวเซอร์จะแสดงสกรอบาร์ขึ้น ที่ของด้านขวาของหน้าต่าง   สำหรับเว็บที่มีเนื้อหามาก  หรือมีแนวโน้มที่จะขยายตัวอย่างรวดเร็วควรใช้โครงสร้างแบบแนวตั้ง
         2) โครงสร้างหน้าเว็บในแนวนอน  ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์และความพยายามมากกว่าปกติ  ปัญหาที่จะพบคือความกว้างของหน้าจอที่ไม่แน่นอนเนื่องจากความละเอียดของมอนิเตอร์ที่ต่างกัน  หากข้อมูลเป็นตัวอักษรทั้งหมดผู้ใช้ต้องเลื่อนหน้าจอไปทางข้างเพื่อดูข้อมูล   สำหรับเว็บที่มีเป้าหมายที่นำเสนอข้อมูลไม่มากนักและเกี่ยวกับการออกแบบ  แฟชั่น   ความทันสมัยและสร้างสรรค์  อาจเลือกรูปแบบแนวนอนหรือแบบสร้างสรรค์ก็ได้ตามความเหมาะสม
         3) โครงสร้างหน้าเว็บที่พอดีกับหน้าจอ  โดยจะออกแบบให้หน้าจอไม่มีสกรอบาร์ปรากฏ  ข้อดีคือผู้ใช้จะมองเห็นข้อมูลทุกส่วนของหน้าได้
         4) โครงสร้างหน้าเว็บแบบสร้างสรรค์   รูปแบบนี้อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ใด ๆ มักมีรูปแบบและการจัดวางองค์ประกอบเฉพาะตัวที่คาดไม่ถึงเป็นเว็บของศิลปินนักออกแบบ บริษัทโฆษณา เนื่องจากเป็นเว็บที่สื่อถึงฝีมือและความสามารถในการออกแบบอย่างสร้างสรรค์ได้เต็มที่
  ส่วนประกอบของหน้าเว็บ  แบ่งเป็นส่วนประกอบหลัก   3   ส่วน

        1) ส่วนหัว ( Page Header )
เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในหน้า  มักประกอบด้วย  ชื่อเว็บ  ระบบเนวิเกชัน และหัวข้อหลักหรือชื่อของเนื้อหา  ส่วนใหญ่บริเวณมุมบนซ้ายสุด จะวางโลโก้ เพราะเป็นส่วนที่ผู้ใช้จะเริ่มต้นให้ความสนใจ
         2) ส่วนเนื้อหา (Page Body )
ควรมีความกะทัดรัดและจัดอย่างเป็นระเบียบเพื่อให้มองหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว  โดยแสดงใจความสำคัญไว้ในส่วนต้น ๆ ของหน้า
          3) ส่วนท้าย (Page Footer )
เป็นบริเวณที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาและเว็บ โดยอาจเป็นระบบเนวิเกชันแบบโกลบอลที่เป็นตัวอักษร หรืออาจเป็นที่รวมของลิงค์ที่เกี่ยวกับนโยบายทางกฎหมาย  ลิขสิทธิ์  ความเป็นส่วนตัว และวิธีการติดต่อกับผู้ดูแล ซึ่งส่วนนี้จะต้องคงความสม่ำเสมอในทุก ๆ หน้าเช่นเดียวกับส่วนหัว
เทคนิคการจัดโครงสร้างของหน้า จัดโครสร้างของหน้าโดยใช้ตาราง จะทำให้โครงสร้างข้อมูลวางอย่างเป็นระเบียบ  และเว็บส่วนใหญ่มักใช้ตารางในการจัดโครงสร้าง
                       ออกแบบหน้าโฮมเพจ (Home Page )  โฮมเพจที่ดีควรมีลักษณะ  ดังนี้
แสดงถึงภาพรวมและสิ่งที่เป็นประโยชน์ในเว็บดูน่าสนใจและมีลักษณะที่สัมพันธ์กับเนื้อหามีลิงค์ที่สามารถเชื่อมโยงไปสู่ส่วนหลักๆของเว็บแสดงผลได้อย่างรวดเร็ว   โดยใช้รูปกราฟิกอย่างจำกัดแสดงถึงเอกลักษณ์ของเว็บด้วยการแสดงชื่อเว็บ
แสดงถึงสิ่งที่ปรับเปลี่ยนใหม่  เพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจว่ามีการเปลี่ยนแปลงของเนื้อหาภายในแสดงวันที่ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงรูปกราฟิกเป็นประจำทุกวัน   สัปดาห์หรือเดือนแสดงข่าวหรือข้อมูลความเคลื่อนไหวใหม่ ๆ ให้ผู้ใช้ได้รับรู้ในหน้าแรกสร้างส่วนของเนื้อหาที่แสดงถึงสิ่งใหม่ ๆ ในเว็บ

                           หน้าก่อนหน้าโฮมเพจ  (Splash page)

             ทำหน้าที่แนะนำหรือสื่อข้อความบางอย่างของเว็บ  เพื่อสร้างความประทับใจต่อผู้ใช้  โดยปกติหน้านี้จะแสดงผลได้อย่างรวดเร็วและดูน่าสนใจด้วยการใช้กราฟิกหรือเทคนิคพิเศษ  เหมาะสำหรับเว็บที่ต้องการนำเสนอข้อมูลพิเศษบางอย่าง   แต่สำหรับเว็บโดยทั่วไปหน้าก่อนหน้าโฮมเพจนี้อาจไม่จำเป็น  และรบกวนเวลาของผู้ใช้ข้อแนะนำในการออกแบบโฮมเพจออกแบบโครงสร้างของหน้าโดยใช้โปรแกรมกราฟิกกำหนดชื่อของเว็บให้สื่อความหมายสร้างความแตกต่างของสิ่งที่แตกต่างให้เห็นอย่างชัดเจน เช่น  สีของลิงค์ต้องหมาะกับสีของตัวอักษรเลือกใช้รูปพื้นหลังที่เหมาะสมหลีกเลี่ยงการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น